วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

ในหลวงภูมิพล กับดอกไม้จากใจ


     ณ.จังหวัดนครพนม บนเส้นทางรับเสด็จ ตรงสามแยกชยาง-เรณูนคร ยามบ่ายของวันที่13พฤศจิกายน2498 นาย อาณัติ บุนนาค หัวหน้าส่วนช่างภาพประจำพระองค์ ได้บันทึกภาพในวินาทีสำคัญภาพหนึ่ง ที่ซึ่งต่อมาภาพดังกล่าวนี้กลายมาเป็นภาพแห่งประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศ เป็นภาพที่พูดได้มากกว่าคำพูดหนึ่งล้านคำ
     วันนั้นหลังจากในหลวงภูมิพลและพระราชินีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล ณ.วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเสร็จแล้วในช่วงเช้า ทั้ง2พระองค์ก้ได้เสด็จโดยรถพระที่นั่งเพื่อกลับไปประทับแรม ณ.จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ราษฎรที่รู้ข่าวก็ต่างพากันอุ้มลูกจูงหลาน หอบกันมารับเสด็จที่ริมถนนกันอย่างเนืองแน่น 
     ซึ่งในนั้นก็มียายตุ้ม จันท์นิตย์ วัย102ปี มารอรับเสด็จในหลวงภูมิพลและพระราชินีอยู่ด้วยพร้อมกับลูกหลานของยาย ยายตุ้มได้ให้ลูกๆหลานๆหาดอกบัวสายสีชมพูมาให้ท่านจำนวน3ดอก เมื่อเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังทราบว่ามียายอายุกว่าร้อยปีมารอรับเสด็จ ก็ได้อำนวยความสะดวกให้ยายได้มาอยู่ในแถวหน้าในจุดที่ในหลวงภูมิพลและพระราชินีเสด็จผ่าน แต่เนื่องจากมารอรับเสด็จตั้งแต่เช้า พอถึงยามบ่ายดอกบัวที่ยายเตรียมมาก็เฉาอยู่กับมือของยาย แต่ยายก็ยังตั้งใจที่จะถวายให้ในหลวงภูมิพลด้วยมือของยายเอง 
     เมื่อในหลวงภูมิพลท่านเสด็จผ่านมาถึงตรงหน้า ยายตุ้มก็ได้ยกดอกบัวสายที่โรยราทั้ง3ดอกนั้นขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อแสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้งต่อพระเจ้าแผ่นดินอันเป็นที่รักและเทิดทูลยิ่งของยาย ในหลวงภูมิพลเองท่านก็ทรงโน้มพระองค์อย่างต่ำที่สุด จนพระพักตร์แนบชิดกับศีรษะของยายตุ้ม แล้วทรงยิ้มอย่างเอ็นดู และเอาพระหัตถ์ของพระองค์แตะมือที่กร้านคล้ำจากการทำไร่ทำสวนของยายอย่างอ่อนโยน
     วันนั้นไม่มีใครทราบว่าในหลวงท่านได้กระซิบอันใดกับยายตุ้ม แต่ที่แน่นอนยายไม่เคยลืมวันดังกล่าวเลย และเช่นเดียวกันในหลวงภูมิพลเองท่านก็ไม่ทรงลืมราษฎรสำคัญคนนี้เช่นกัน เพราะลูกหลานของยายตุ้มเล่าว่า "หลังจากที่ในหลวงภูมิพลเสด็จกลับกรุงเทพแล้ว ในหลวงภูมิพลท่านก็ได้ทรงให้ทางสำนักพระราชวังส่งภาพรับเสด็จของยายตุ้ม พร้อมกับพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพลาสเตอร์ของพระองค์พระราชทานส่งผ่านมาทางอำเภอธาตุพนม เพื่อให้ยายตุ้มไว้เป็นที่ระลึก" ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และนี้ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ยายตุ้มมีชีวิตยืนยาวด้วยความสุขต่ออีก3ปีเต็มๆ ก่อนที่จะสิ้นอายุขัยอย่างสงบด้วยโรคชรา ในวัย105ปี






     สำหรับผมในฐานะผู้ถ่ายทอดเรื่องราวแล้ว ภาพนี้ถือเป็นภาพที่สื่อได้ดีที่สุดถึงความผูกพันของพระเจ้าแผ่นดินและข้าแผ่นดิน ที่ถ่ายทอดออกมาโดยไม่ต้องเสแสร้ง ซื่อ และงดงาม แม้ผู้ที่ไม่ใช่คนไทย หากรู้ว่าบุคคลทั้งสองเป็นใครก็ย่อมซาบซึ้งครับ ในหลวงทรงโน้มพระวรกายลงมาจนเกือบจรดกับหน้าของยาย เพื่อปฏิสันถารกับยายเป็นส่วนพระองค์ ดอกบัวเฉาๆนั้น หาราคาค่างวดก็คงไม่ได้ แต่ค่าของจิตใจและความผูกพันระหว่างคนสองชนชั้นนั้น ก็คงประมาณเป็นราคาไม่ได้เช่นกัน
       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น