วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2554



     ในค่ำของวันทีึ 7 มีนาคม 2502 คืนนั้นในหลวงภูมิพลและพระราชินี ก็ได้ทรงประทับพักแรมที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง
     รุ่งเช้าของวันที่ 8 มีนาคม 2502 เวลา07.00 ก็ทรงได้เสด็จออกจากจังหวัดระนองมุ่งหน้าต่อไปยังจังหวัดพังงา ซึ่งเป็นจังหวัดที่3ของการเสด็จครั้งนั้น ในระหว่างทางเสด็จทั้ง2พระองค์ทรงพอพระทัยในทิวทัศน์ที่สวยงามตามเส้นทางระหว่างระนองกับกะเปอร์เป็นอย่างมาก

     เวลา12.00ขบวนเสด็จก็มาถึงหน้าที่ว่าการอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ก็ได้เบิกตัวนายอำเภอตะกั่วป่าเข้าเฝ้าฯ และนำเสด็จเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้ารอรับเสด็จ
     ในจำนวนราษฎรที่มาเฝ้ารอรับเสด็จที่หน้าอำเภอตะกั่วป่า ก็ได้มีราษฎรคนหนึ่งชื่อ นาย ท้วม พิมล อายุ99ปี และภรรยา คือ นาง ยัง อายุ89ปี มาเฝ้ารอรับเสด็จอยู่ด้วย โดยที่ก่อนหน้านี้ นาย ท้วม มีอาการป่วยกระเสาะกระเสะ ต้องคอยให้ลูกๆหลานๆคอยอุ้มเวลาที่จะลุกหรือนั่ง แต่พอ นาย ท้วม ได้ข่าวการเสด็จ อาการป่วยที่เป็นอยู่ก็หายในทันที และได้ให้ลูกหลานพามาเพื่อเฝ้ารอรับเสด็จ


     นาย ท้วม บอกกับนักข่าวว่า "ตนนั้นเคยได้เฝ้ารอรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่5มาแล้ว ในครั้งที่พระองค์ได้ทรงเสด็จประพาสหัวเมืองทางใต้เมื่อ ปี2433 ตนจึงอยากที่จะมาเฝ้ารอรับเสด็จ พระนัดดา(หลาน)ของในหลวงรัชกาลที่5ให้ได้"
     ซึ่งพอในหลวงภูมิพลท่านทรงเสด็จผ่าน ในหลวงภูมิพลก็ได้มีรับสั่งกับลูกสาวของนาย ท้วม ว่า "..เลี้ยงดูแกให้ดีนะ จะได้อายุยืนๆ และหวังว่าครอบครัวนี้จะมีอายุยืนๆกันทั้งนั้น"..นาย ท้วม และภรรยา รวมถึงลูกหลาน ต่างก็ปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณจนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว
     อีกรายหนึ่งคือ มารดาของนางสาว อุไร เตตระกูล นางสาวอุไร บอกกับนักข่าวว่าแม่ของตนนั้นได้นำเอารูปที่ในหลวงภูมิพลทรงอุ้มเจ้าฟ้าชาย ที่ได้ซื้อเก็บไว้ที่บ้าน นำมาทูลเกล้าให้แก่พระราชินี เมื่อพระราชินีเห็นเข้าก้ทรงตรัสกับแม่ของนางสาวอุไร ว่า "เดี๋ยวนี้ 6ขวบแล้ว"

     จากนั้นทั้ง2พระองค์ก็ทรงได้เสด้จไปยัง ต.บ้านท่านุ่น เพื่อนำรถยนต์พระที่นั่งลงแพขนานยนต์(ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีสะพานสารสิน)เพื่อไปยังท่าฉัตรไชย ของจังหวัดภูเก็ต  
       



........................................................


1 ความคิดเห็น: