วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

ในหลวงภูมิพลกับพระสหายแห่งสายบุรี(วาเด็งปูเต๊ะ)



    ประวัติ:วาเด็งปูเต๊ะ หรือ "เป๊าะเด็ง" หรือที่รู้จักกันในนาม "พระสหายสายบุรี"

ต้องย้อนไปเมื่อวันที่30 กันยายน 2535 เมื่อในหลวงภูมิพล ได้เสด็จไปดูโครงการพัฒนาพรุแฆ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ที่จึงทำให้เป๊าะเด็งและพสกนิกรในพื้นที่แถบนั้นทุกคนได้พ้นจากความทุกข์ยากในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม  

     นอกจากการทูลเกล้าฯ ถวายข้อมูลในพื้นที่แล้ว เป๊าะเด็งก็ได้ถวายที่ดินผืนหนึ่งเพื่อให้ในหลวงได้ทำโครงการพระราชดำริ จึงทำให้เป๊าะเด็งได้กลายมาเป็น "พระสหาย" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดในชีวิตที่น้อยคนจะได้รับ

     เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่งเป๊าะอยู่บ้านทำสวนอยู่กับภรรยา ก็ได้มีคุณหญิงคนหนึ่งมาบอกว่า "ในหลวงภูมิพล"ต้องการพบตัว แต่ภรรยาของเป๊าะเด็งไม่กล้าไปพบ จนกระทั่งเป๊าะเลี้ยงโคกลับมา ก็มีตำรวจมาตามเป็นครั้งที่สอง เป๊าะตกใจมากว่าตำรวจมาตามเรื่องอะไร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด จนกระทั่งสื่อสารกันเข้าใจว่าในหลวงภูมิพล ต้องการมาสร้างฝายกั้นน้ำคลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จ ต.แป้น อ.สายบุรี เพื่อช่วยเหลือเรื่องแหล่งน้ำแก่ชาวบ้านในการทำการเกษตร เป๊าะ ถึงกล้าไปพบ   
     แต่ตอนนั้นเป๊าะ ยังไม่ค่อยเชื่อว่าพระองค์จะเข้ามาอยู่ในป่าในเขาแบบนี้ จึงคิดว่าคนที่มาบอกโกหก ขนาดมาพบพระองค์แล้วเป๊าะ ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นในหลวงจริงหรือเปล่าจึงแอบหยิบเงินใบละ 100 ใบ กับใบละ 20 บาทขึ้นมาดู

จึงแน่ใจว่าเป็นพระองค์เสด็จฯ มาจริงๆ  
     ตอนแรกที่พบในหลวงภูมิพล เป๊าะไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ เพราะตอนนั้นนุ่งโสร่งตัวเดียว

เสื้อก็ไม่ได้ใส่ด้วย แต่พอเข้าไปใกล้ๆ ในหลวงก็ตรัสเป็นภาษามลายูว่า "จะสร้างคลองชลประทานให้"

     หลังจากนั้นในหลวงท่านก็ทรงสอบถามเส้นทางการขุดคลอง และข้อมูลในพื้นที่อื่นๆ พระองค์ยังตรัสชมว่า "วาเด็งเป็นคนรู้พื้นที่จริง"

     วันรุ่งขึ้น ข้าราชการที่มารับเสด็จก็ต้องตกตะลึงไปตามๆกัน เมื่่อพระองค์ทรงรับสั่งให้เป๊าะพายเรือให้พระองค์เพื่อทำการสำรวจคลองสายทุ่งเค็จ โดยพระองค์มีพระราชดำรัสถาม พร้อมเปิดแผนที่เพื่อให้รู้ว่าจะสร้างแหล่งชลประทานอย่างไร ตอนพายเรืออยู่ ในหลวงภูมิพลตรัสด้วยว่า "ให้วาเด็งทำตัวให้สบายมีอะไรที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็ให้เล่ามาตามความจริง"  
     จากนั้นในหลวงภูมิพลคงจะทรงลองใจเป๊าะจึงตรัสถามขอที่ดินเพื่อทำโครงการพระราชดำริ ด้วยความปลาบปลื้มเป๊าะจึงขอยกที่ดินถวายให้พระองค์ทันที ในหลวงจึงแย้มพระสรวล และมีพระราชดำรัสว่าให้เป๊าะเป็น"พระสหาย" ตั้งแต่บัดนั้น   
     ในหลวงภูมิพลตรัสเรื่องนี้ว่า"วาเด็งเป็นคนซื่อตรง จึงขอแต่งตั้งให้วาเด็งเป็นเพื่อนของในหลวง"พร้อมทรงชวนให้เป๊าะและภรรยาเดินทางไปเที่ยวที่กรุงเทพฯ และเมื่อพระองค์เสด็จฯ มาสามจังหวัดก็เรียกให้เข้าเฝ้าที่พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ทุกครั้ง 
  
     ต่อมาในหลวงทรงสงสารจึงมอบเงินให้เป๊าะครั้งละหลายหมื่นบาท หากไม่ได้เสด็จฯ มาก็ทรงฝากเงินมากับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ แทบทุกครั้ง   
     โดยล่าสุด ในหลวงภูมิพลตรัสว่าให้วาเด็งหยุดทำงานได้แล้ว เพราะแก่แล้ว อายุมากแล้ว

ทรงเป็นห่วงสุขภาพวาเด็ง กลัวว่าทำงานหนักจะไม่สบาย เป๊าะก็นั่งทบทวนคำตรัสของพระองค์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มด้วยความภาคภูมิกับคำว่า "พระสหายแห่งสายบุรี"

      นอกจากละหมาดขอพระผู้เป็นเจ้าเป๊าะยังเดินทางจาก จ.นราธิวาส มาเยี่ยมพระอาการประชวรของในหลวงถึง รพ.ศิริราช ด้วย


      เป๊าะเด็งถือเป็น "แบบอย่าง" ของคนที่ซื่อสัตย์ เจียมเนื้อเจียมตัวและใช้จ่ายอย่างประหยัด เพราะต้องการทำตัวให้เป็นแบบอย่างตามพระราชดำรัสของในหลวงภูมิพลที่รู้จักกินรู้จักใช้ตามวิถีทางชุมชนชนบทกับเศรษฐกิจพอเพียงของชาวบ้านจนถึงทุกวันนี้



       และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ดีใจและปลาบปลื้มใจมากที่สุด คือ

พระสหายแห่งสายบุรีได้มีโอกาสเดินทางไปกรุงเทพฯเพื่อถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งในฐานะ "พระสหายแห่งสายบุรี" และ "ตัวแทนพี่น้องมุสลิม"

ในสามจังหวัดชายแดนใต้ทุกๆคน












2 ความคิดเห็น:

  1. ปลาบปลื้มในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงแต่ต่อ พสกนิกรในรูปแบบต่าง ๆ
    พ่อหลวง ทรงเป็นต้นแบบ ในการวางพระองค์ได้เป็นอย่างดี
    ขอองค์ภูมิพลมหาราช ทรงพระเจริญ
    LONG LIVE THE KING

    ตอบลบ
  2. ปลาบปลื้มเป็นล้นพ้นจนหาที่สุดไม่ได้
    60 ปีที่ในหลวงทำเพื่อของชาวไทย
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    ตอบลบ